การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสอง ใกล้ที่จะได้ 12 ชาติที่จะผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือก รอบสาม เต็มที ซึ่งวันนี้ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์ จะมาวิเคราะห์เกมในกลุ่ม เอฟ ที่ ทีมชาติไทย จะเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน รับการมายือนของ ทีมชาติไต้หวัน ในวันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งอาจเป็นนัดชี้ชะตาการเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายของทีมชาติไทย เพราะหากสามารถเก็บ 3 แต้มได้ เส้นทางการผ่านเข้าสู่รอบ 3 ก็จะสดใสสุดๆ นอกจากนี้จะมาเปิดสถิติที่ทั้งสองทีมเคยพบกันให้ได้ทราบกันก่อนชมเกมนี้กันด้วย
สำหรับสถานการณ์ในกลุ่ม เอฟ ทีมไทยยังคงนำเป็นจ่าฝูงแข่ง 4 นัด มี 10 คะแนน ตามด้วย อิรัก แข่ง 3 นัด มี 5 คะแนน อันดับ 3 เวียดนาม แข่ง 4 นัด มี 4 คะแนน และอันดับที่ 4 ไต้หวัน แข่ง 3 นัด ยังไม่มีแต้ม รั้งบ๊วยของกลุ่ม ซึ่งอันดับ 1 ของกลุ่มเท่านั้นที่จะผ่านเข้าสู่รอบคัดเลือก รอบสาม แบบอัตโนมัติ ส่วนอันดับ 2 ต้องไปลุ้นแย่งเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 1 ใน 4 ทีมกับกลุ่มอื่นๆ โดยโปรแกรมนัดต่อไปของทีมชาติไทย จะเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน รับการมาเยือนของ ไต้หวัน และจะเป็นเกมที่สำคัญมากสำหรับทัพ ช้างศึก อย่างแน่นอน เพราะถ้าสามารถเก็บ 3 แต้มได้ โอกาสเข้ารอบสูงลิบ โดยนัดแรกที่เจอกันในรอบนี้ ทีมชาติไทยเป็นฝ่ายบุกไปเอาชนะ ไต้หวัน ได้ถึงถิ่น 2-0
สุทธินันท์ พุกหอม พร้อมลงคุมแนวรับให้ทีมชาติไทย
เกมกับไต้หวันในนัดต่อไปนี้สำคัญมาก เพราะถ้า ทีมชาติไทย สามารถเอาชนะ ไต้หวัน ได้ จะเก็บเพิ่มเป็น 13 แต้ม แล้วนัดสุดท้ายไทยจะไปเยือน อิรัก ขอแค่เสมอก็เพียงพอที่จะเข้ารอบ 3 แล้ว ไม่ว่าจะในฐานะเป็นทีมอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 1 ใน 4 ทีม หรือเข้ารอบโดยอัติโนมัติในฐานะแชมป์กลุ่ม เอฟ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการคาดการณ์คร่าวๆ เท่านั้น เพราะถ้าทีมชาติไทยเกิดพลาดท่าพ่ายไต้หวัน และบุกไปแพ้อิรักในนัดสุดท้าย อาจจะจุดประกายความหวังการเข้ารอบอันน้อยนิดของเวียดนามขึ้นมาได้ เพราะตอนนี้ เวียดนามมี 4 แต้ม ถ้าเกิดพวกเขาเกิดฟอร์มเทพเก็บชัยในเกมเปิดบ้านรับมือไต้หวัน และบุกไปเอาชนะอิรักได้ และยิงกระจายทั้ง 2 นัด จะทำให้พวกเขาเข้ารอบด้วยการเป็นอันดับ 2 ที่ดีที่สุด 1 ใน 4 ทีม แต่ดูแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะทีมไทยไม่แพ้ 2 นัดติดแน่นอน!
ธีรศิลป์ แดงดา ความหวังในการทำประตูของทีมชาติไทย
ส่วน อิรัก น่าจะเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายค่อนข้างแน่ ไม่ว่าจะเป็นอันดับ 1 ของกลุ่ม หรืออันดับ 2 ที่ดีที่สุด 1 ใน 4 ทีม เพราะนัดต่อไปจะบุกไปเยือน ไต้หวัน ซึ่งไม่น่าพลาด 3 แต้ม เพราะนัดแรกเป็นฝ่ายอิรักที่เปิดบ้านเอาชนะไปได้สบายเท้า 5-1 ซึ่งจะทำให้พวกเขาเก็บเพิ่มเป็น 8 คะแนน ก่อนที่ 2 นัดสุดท้ายจะได้กลับไปเล่นในตะวันออกกลาง (เตะสนามกลางในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน) เจอกับ ไทย และ เวียดนาม ซึ่งไม่น่าจะเป็นงานหนักสำหรับพวกเขาสักเท่าไร เพราะน่าจะชนะ หรือเสมอทีมไทย แล้วก็น่าจะเอาชนะเวียดนามได้ ซึ่งจะทำให้พวกเขา มี 12 หรือ 14 คะแนน ซึ่งนั่นก็เพียงพอสำหรับการเข้ารอบของ อิรัก แล้ว
สารัช อยู่เย็น กองกลางคนสำคัญของทีมชาติไทย
กลับมากันที่เรื่องเกม ไทย-ไต้หวัน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ นักเตะของไต้หวัน คงมีขาสั่นกันบ้าง เพราะแฟนบอลชาวไทยเข้าไปให้กำลังใจเต็มสนามอย่างแน่นอน ดูได้จากตั๋วที่ขายหมดเกลี้ยงในเวลาเพียงไม่นาน ซึ่งเสียงเชียร์ของแฟนช้างศึกน่าจะกดดันนักเตะไต้หวันได้ไม่น้อยแน่ ซึ่งอยู่ที่นักเตะไทยแล้วว่า จะเล่นตามแผนที่วางเอาไว้ได้หรือไม่
เชื่อว่าเกมนี้ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย จะสั่งลูกทีมเปิดเกมรุกใส่ไต้หวันตั้งแต่
ต้นเกมอย่างแน่นอน โดยน่าจะเน้นการต่อบอลเร็วทะลุทะลวงตรงกลางมากกว่าริมเส้น แต่ซิโก้ก็คงจะไม่ประมาทในเกมรับเช่นกัน เพราะคาดว่า ไต้หวัน คงหวังอาศัยจังหวะที่ทีมชาติไทยผิดพลาด ใช้เกมโต้กลับเล่นงานทัพช้างศึกเพื่อหวังเก็บผลการแข่งขันที่ดีกลับไปฝากแฟนบอลของพวกเขา โดยไต้หวันชุดนี้ขนผู้เล่นกองหลังมาไทยถึง 9 คน และมีกองหน้าเพียง 2 คน คือ เฉิน ห้าว เหว่ย และ วู่ ฉุน ซิง
สำหรับทีมชาติไต้หวันนั้น ได้ลงอุ่นเครื่องเรียกสภาพความพร้อมก่อนเกมพบทีมไทย ด้วยการพบกับทีมโอสถสภา เอ็ม 150 สมุทรปราการ ที่สนามทีโอที อคาเดมี ไปเมื่อวันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งผลปรากฏว่า ไต้หวัน พ่าย โอสถสภา เอ็ม 150 สมุทรปราการ ไป 0-2! แต่นั่นเป็นเพียงเกมอุ่นเครื่องเท่านั้น ซึ่งเกมในวันที่ 12 พ.ย. นี้ ไต้หวันคงจะสู่เต็มที่และจะเป็นเกมที่สนุกอย่างแน่นอน
ลูกยิงไกลของ เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ อาจเป็นทีเด็ดของทีมชาติไทย
No comments:
Post a Comment